ทิศทางและแนวโน้มของเทคโนโลยีการศึกษาในอนาคต
แนวโน้มของเทคโนโลยีการศึกษาในอนาคต
1.
ให้ความสำคัญกับการเรียนการสอนนอกระบบมากขึ้นจากพระราชบัญญัติการศึกษา ปี พ.ศ.
2542 ที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า กฎหมายให้ความสำคัญแก่การจัดการศึกษานอกระบบ
และการศึกษาตามอัธยาศัยมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเน้นการศึกษารายบุคคล มวลชน
และผู้ด้อยโอกาสทั้งหลาย พระราชบัญญัติการศึกษาจะเป็นผู้ชี้อนาคตในการจัดการศึกษา
2. เน้นเรื่องการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยแม้ว่าการสอนโดยอาศัยการออกอากาศทางวิทยุหรือโทรทัศน์จะเคยเป็นและยังคงเป็นแรงสนับสนุนสำคัญในการจัดการศึกษา
แต่ก็มีแนวโน้มว่าเราจะนำระบบวงจรปิดเข้ามาใช้ในการเรียนการสอนมาก
3. เน้นเรื่องการศึกษาเป็นรายบุคคล
การศึกษาเพื่อมวลชน และการศึกษาเพื่อคนด้อยโอกาส
ภายใต้ความรับผิดชอบของสำนักงานการศึกษาพิเศษ กระทรวงศึกษาธิการ สหรัฐอเมริกา
ได้มีงานวิจัยหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาพิเศษ
งานวิจัยเหล่านั้นมุ่งไปที่การพัฒนาวิธีการเรียนการสอนที่จะช่วยให้คนพิการเอาชนะข้อจำกัดทางด้านร่างกายและข้อจำกัดที่เกี่ยวกับประสาทสัมผัส
หาวิธีการและเครื่องมือใหม่ๆ
ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือคนพิการให้สามารถเรียนรู้ข่าวสารและทักษะใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรได้รับความสนใจอย่างยิ่ง
นวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษาที่เกิดขึ้นใหม่
1. Ubiquitous
Learning คือ
การเรียนรู้รอบทิศทางโดยอาศัยเครือข่ายไร้สายในการศึกษาทั้ง Mobile
Learning, Tablet, WiFi เป็นต้น
3. Hybrid Learning/Blended
Learning คือ การเรียนการสอนแบบผสมผสานระหว่าง e-Learning และ ชั้นเรียนในสัดส่วน online 30-79%
4. HyFlexLearning คือ
การเรียนการสอนผสมผสานแบบยืดหยุ่นที่ให้ผู้เรียนมีทางเลือกด้วยตนเอง
ออกแบบการเรียนด้วยตนเองทั้ง การเรียนการสอน ออนไลน์, เผชิญหน้า,
หรือค้นคว้าด้วยตนเองตามแหล่งการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับเนื้อหา
แนวโน้มในด้านบวกต่อการศึกษา
1. การพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์
โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก
ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม สามารถเรียนรู้ได้อย่างกว้างขวางเปิดโอกาสให้เกิดการเรียนรู้ที่ทัดเทียมกัน
2.
การพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถฟังและตอบเป็นภาษา พูดได้
อ่านตัวอักษรหรือลายมือเขียนได้ การแสดงผลของคอมพิวเตอร์ได้เสมือนจริง
เป็นแบบสามมิติ และการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เสมือนว่าได้อยู่ในที่นั้นจริง ได้สัมผัสสื่อที่เสมือนจริง
จะทำให้ผูเรียนมีความสนใจและเป็นแรงกระตุ้นในการเรียนการสอนมากยิ่งขึ้น
3. การพัฒนาระบบสารสนเทศ ฐานข้อมูล
ฐานความรู้ เพื่อพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญและการจัดการเรียนรู้ให้ง่ายต่อการสืบค้นและเป้นการ
4.
การศึกษาตามอัธยาศัยด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) การเรียนการสอนด้วยระบบโทรศึกษา
(tele-education) การค้นคว้าหาความรู้ได้ตลอด 24
ชั่วโมงจากห้องสมุดเสมือน (virtual library)
5. ขยายขอบเขตของการเรียนรู้ของผู้เรียนในทุกหนทุกแห่ง
ขยายโอกาสทางการศึกษาให้ผู้เรียนรอบโลกในสถานศึกษาต่าง ๆและเป็นการส่งเสริมแนวคิดในเรื่องของการเรียนรู้ตลอดชีวิต
เนื่องจากเว็บเป็นแหล่งความรู้
7.การสื่อสารโดยใช้ อีเมล์
กระดานข่าว ฯลฯ
ทำให้การเรียนรู้มีชีวิตชีวาขึ้นกระตุ้นให้ผู้เรียนรู้จักการสื่อสารในสังคม
และก่อให้เกิดการเรียนแบบร่วมมือ
แนวโน้มในด้านลบต่อการศึกษา
1. ความผิดพลาดในการทำงานของระบบ
คอมพิวเตอร์ ทั้งส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่เกิดขึ้นจากการออกแบบและพัฒนา
ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบและสูญเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหา
2.
การละเมิดลิขสิทธิ์ของทรัพย์สินทางปัญญา การทำสำเนาและลอกเลียนแบบของชิ้นงานต่างๆ
3. สภาพบริบทบางพื้นที่ไม่เหมาะสมกับการใช้เทคโนโลยี
เช่น โรงเรียนที่ห่างไกลขาดสัญญาณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
หรือบางโรงเรียนไม่มีงบประมาณพอสำหรับซื้ออุปกรณ์สื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้กับผู้เรียนได้อย่างเพียงพอ
อาจทำให้เกิดการเลื่อมล้ำด้านการเรียนรู้ได้
4. ระยะเวลาในการใช้เทคโนโลยี
อาจจำเป็นต้องใช้เวลามาก
เพราะเนื่องจากบางพื้นที่ขาดบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี
ต้องมีการจัดอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรที่จะนำเทคโนโลยีไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน
5. การปฎิสัมพันธ์กันลดลง เนื่องจากมีการสนทนาผ่านจอแทนการพูดคุย
การเรียนการสอนผ่านออนไลน์แทนการเข้าชั้นเรียน
อาจจะทำให้เกิดการขาดความสามัคคีและการรู้จักการทำงานร่วมกันในสังคม
ุ6. ไม่สามารถช่วยในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียนได้และผู้เรียนบางคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เรียนที่เป็นผู้ใหญ่
อาจจะไม่ชอบโปรแกรมที่เรียงตามขั้นตอน ทำให้เป็น
อุปสรรคในการเรียนรู้ได้แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามเทคโนโลยีการสื่อสารในปัจจุบัน
สรุป
เขียนโดย นางสาวกิตตรา
มหาสุภาพ
อ้างอิงเว็บไซต์

ขอบคุณสำหรับบทความดีนะคะ
ตอบลบ